Monday, July 19, 2010

แนะรัฐใส่ร้าย “แม้ว”ปรองดองยาก


"สว.อุดร"แนะรัฐใส่ร้าย-ตอกย้ำความผิด"แม้ว"ปรองดองยาก "คำนูณ" ตอกแผนปรองดองแค่วาทกรรมทางการเมือง

วันนี้ (19ก.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา จัดเสวนาเรื่อง "ก้าวต่อไปประเทศไทย : บทบาทสื่อมวลชนกับการสร้างความปรองดอง" โดยนายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช กรรมการติดตามสถานการณ์ฯ กล่าวว่า สื่อมวลชนมีส่วนสำคัญในสังคมในการสร้างความปรองดองหรือสร้างความขัดแย้งชัดเจน เช่น เหตุการณ์ 6 ตุลา19 สถานีวิทยุของรัฐและสื่อบางฉบับโน้มนำ สร้างความเกลียดชัง นำมาสู่ความรุนแรง กรณีพฤษภา 35 บางสื่อก็ถูกปิด บางสื่อก็บิดเบือน ทำให้คนออกมาชุมนุมมาก สุดท้ายเกิดความสูญเสีย ส่วนในโลกก็มีกรณี "รวันดา"ที่ทำให้เกิดความเกลียดชังและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัน ในปัจจุบันการปิดสื่อถือว่าไม่เหมะสม เพราะการเปิดเสรีจะนำมาซึ่งข้อมูลหลากหลายที่จะคะคานกันเอง วันนี้สื่อไม่ว่าของรัฐหรือเอกชนก็ต้องทบทวนการทำหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมาว่า รอบด้านเพียงพอหรือไม่

นายประวิทย์ โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กล่าวว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยมีความเห็นแตกต่างกันมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่สื่อก็เลือกข้างอย่างชัดเจน ดังนั้นการปรองดองจะไม่สามารถเดินไปได้เลยถ้าสังคมไม่ยอมรับความหลากหลาย วันนี้สื่อสีแดงยังถูกปิด และหลังวันที่ 19 พ.ค. สื่อยังไม่ได้มองบทบาทตัวเองอย่างดีพอว่า มีส่วนสร้างปมความแตกแยกขัดแย้งหรือไม่ ความหวังของการปรองดองคือการให้ความเห็นหลากหลายอยู่ได้โดยไม่ทำลายกัน แต่ช่วงที่ผ่านมาการทำให้อยู่ได้คือ การทำลายความเห็นต่างให้หมดไป ตนอยากให้สื่อกระแสหลักต้องปรับทัศนคติจะเชียร์ใครไม่ว่าแต่ต้องมีพื้นที่ให้คนเห็นต่างให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นคนไม่มีทางออกก็เหมือนกาน้ำที่สุดท้ายแล้วก็ระเบิด
"แม้แต่บุคคลสาธาณะที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ยังไม่มีเลย แม้แต่นายอานันท์ ปันยารชุน นพ.ประเวศ วะสี คนเสื้อแดงก็ยังไม่ยอมรับ สื่อก็ตกอยู่ในสภาพการไม่ถูกยอมรับเช่นกันดังนั้นสังคมต้องช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของสื่อให้มากขึ้น"นายประวิทย์ กล่าว

นายปรเมศวร์ มินศิริ นายกสมาคมเวบไซต์ กล่าวว่า สื่อกับการสร้างความปรองดอง ทำได้โดยต้องทำให้ทุกฝ่ายมาคุยกันให้ได้โดยมีคนกลางมากำหนดกติกา เหมือนการปรองดองในประเทศแอฟริกาใต้ที่มีคนกลาง นำการพูดคุยของคนแต่ละฝ่ายมาให้สื่อตีพิมพ์ ให้ทีวีทำสกู๊ป เพราะแผนปรองดองต้องมาจากการยอมรับร่วมกันของทุกฝ่าย ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดเสนอแผนมาแล้วจะทึกทักว่าทุกคนยอมรับ ซึ่งการทึกทักอาจจะมาจากการที่มีเสียงดังกว่า มีอำนาจมากกว่า มีเสียงดังจากสื่อมากกว่า สำหรับประเทศไทย เวบไซต์ของกลุ่มพลังบวกก็พยายามทำแบบนี้ แต่ก็โดนปิด แต่ยิ่งปิดก็ยิ่งมีคนอยากดูมาก วันนี้รัฐจึงไม่สามารถปิดช่องทางได้แล้ว ดังนั้นต้องคิดใหม่และเปิดให้ทุกฝ่ายได้ส่งเสียง เพื่อยอมรับความจริงร่วมกัน ก็จะปรองดองได้

จากนั้นจึงเปิดให้ผู้ร่วมสัมมนาแสดงความเห็น อาทิ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บก.เรดพาวเวอร์ กล่าวว่า การปรองดองถูกนำเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการกลบเกลื่อนความจริงหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการสลายการชุมนุม เพราะหากต้องการจะปรองดองจริง เมื่อรัฐบาลประกาศแผนออกมาเมื่อวันที่3พ.ค.แต่ภายหลังกลับมาสลายการชุมนุม ตนมองว่าความขัดแย้งทางความคิดจะทำให้สังคมก้าวหน้าเพราะทำให้คนมาถกเถียงกันด้วยเหตุผล แต่ตอนนี้คู่กรณีกลับถูกไล่ล่า มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินจัดการ การปรองดองเกิดไม่ได้ภายใต้บรรยากาศการบิดเบือน การสร้างความน่าสะพรึงกลัว การไม่มีสิทธิเสรีภาพ มีการปิดสื่อหมด ภาพลักษณ์ของประเทศกลายเป็นประเทศเผด็จการ

นายสมยศ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องไปคณะกรรมการให้ส่งผ่านไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะ สื่อบางแห่งทำตัวเป็นผู้พิพากษา เช่น กล่าวหาคนเสื้อแดงเป็นพวกหางแดง เป็นสมุนคนนั้นคนนี้ที่สำคัญการพิจารณาคดีมีการนำการวินิจฉัยของสื่อมาประกอบการพิจารณาซึ่งตนก็เคยได้รับผลกระทบตรงนี้จนสังคมมีความเชื่อเช่นนั้น ล่าสุดขบวนการล่าแม่มดลามไปถึงนายวิทวัส ท้าวคำลือ หรือ มาร์ค วี11จึงอยากให้มีคณะกรรมการอิสระรับเรื่องเรื่องเรียนและตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย

ส่วนนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า แผนปรองดองของรัฐบาลเป็นเพียงวาทกรรมที่ต้องการลากให้ผ่านงบประมาณปี 54 การโยกย้ายข้าราชการและนายทหารประจำปีที่จะนำไปสู่การยุบสภาช่วงต้นปีหน้าทั้งนี้ตนยังคิดว่า การมีสื่อเลือกข้างและกลุ่มสนับสนุนทางการเมือง ยังควรมี เพราะในที่สุดแล้ว วัฒนธรรมการเสพสื่อจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆที่สุดแล้วประชาชนก็จะคัดกรองเลือกเสพได้เอง

พล.ต.ท. พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ส.ว.อุดรธานี กล่าวว่า บ้านเมืองที่แตกแยก เพราะมีการไปกล่าวหาว่า อีกฝ่ายล้มสถาบัน และดูถูกคนอีสานว่า สามารถซื้อได้ ขอร้องว่า อย่าใส่ร้ายกันหรือไปเหมารวมทั้งหมด การที่บางคนชอบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพราะอาจประทับใจการทำงาน แต่บางคนไปตอกย้ำ ด่าคนที่ชอบอยู่ทุกวันโดยเฉพาะในสื่อของรัฐ ตรงนี้ควรก้าวข้ามได้แล้ว ถ้ารัฐบาลถ้ายังทำเรื่องใส่ร้าย หรือย้ำถึงพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เรื่อยๆ ความปรองดองไม่มีทางเกิดขึ้น.



ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

No comments:

Post a Comment